สรุปรักคุณโปรดิวเซอร์ - นิยาย สรุปรักคุณโปรดิวเซอร์ : Dek-D.com - Writer
×

    สรุปรักคุณโปรดิวเซอร์

    เรื้องสั้น

    ผู้เข้าชมรวม

    470

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    9

    ผู้เข้าชมรวม


    470

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    จำนวนตอน :  0 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  28 ก.พ. 64 / 07:14 น.

    อีบุ๊กจากนิยาย ดูรายการอีบุ๊กทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    “พรุ่งนี้ไปถ่ายภาพนิ่งกับวิดีโอที่กองให้หน่อยสิ” จ้านเดินเข้ามาในห้องตัดต่อห้องมืดสีดำแดงของรุ่นน้อง ที่ตอนนี้มีร่างสูงกำลังนั่งสีหน้าขมวด

    “ทำไม” เขาเงยหน้ามองคนที่อายุมากกว่า เพราะตอนนี้งานเขาก็เยอะอยู่แล้ว

    “ช่างภาพประจำกองเขาไม่ว่าง แกมาถ่ายให้พี่หน่อยแล้วกัน” จ้านพูดด้วยความเกรงใจ เขาเองก็เข้าใจว่ารุ่นน้องงานเยอะ แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถหาช่างกล้องฟรีแลนซ์ทันจริงๆ

    ป๋อทำท่าทางคิดหนัก “กี่โมง”

    เอาตรงๆ สำหรับป๋อการทำงานตัดต่อที่บางครั้งก็ต้องออกกองด้วย รู้สึกว่ามันกินพลังงานชีวิตเขามาก เพราะเวลาทำงานยาวนานเกือบยี่สิบสี่ชั่วโมง ไม่พอระหว่างวันยังแทบไม่มีเวลาว่างอีก

    “ตีห้าครึ่งเจอกันที่ออฟฟิศ เดี๋ยวมารับ” จ้านว่าด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้า เนื่องจากตัวเขาเองก็โหมงานหนักเหมือนกัน

    “ได้นอนบ้างไหมเนี่ย” ป๋อถาม เพราะใบหน้ารุ่นพี่ซีดเซียวราวกับคนหมดแรง

    “ยังเลย เมื่อคืนเลิกกองตีห้า นี่ก็พึ่งมาออฟฟิศเนี่ย” ร่างบางว่าก่อนจะหาวเล็กน้อย

    “ผมว่ามันหนักไปนะ”

    “ทำได้ รับปากแล้วนะ พรุ่งนี้นะ” จ้านพูดกำชับก่อนจะเดินออกจากห้องทำงานรุ่นน้องไป

    เพราะวันนี้เขามีประชุมสำหรับออกกองคิวสัปดาห์หน้า สัปดาห์นี้ก็เลยต้องรีบเตรียมตัว ร่างบางมาที่ห้องทำงานตัวเอง ตอนนี้เขาเป็นโปรดิวเซอร์เกี่ยวกับงานสื่อทุกประเภทให้กับออฟฟิศหนึ่ง คอยจัดการเรื่องงบประมาณและเรื่องทั่วไปภายในกองถ่าย และช่วงนี้เหมือนผู้กำกับจะมีความต้องการหลายอย่างซะด้วย เขาคงต้องมีงานเพิ่ม

    ก๊อก ก๊อก

    ภาม ผู้กำกับภาพยนตร์ที่เป็นหัวหน้าจ้านและยังเป็นเจ้าของบริษัทนี้ด้วย เข้ามาเคาะประตูก่อนจะถือวิสาสะเดินเข้ามานั่งเก้าอี้ตรงข้าม

    “จ้านคุยกับป๋อรึยัง” ชายร่างสูงที่นั่งอยู่ตรงข้ามถามขึ้นมา รังสีที่แผ่ออกมาจากหัวหน้าทำเอาจ้านถึงกับตัวลีบ

    “จ้านลืมเลยพี่ พอดีพึ่งถึงออฟฟิศ” ร่างบางตอบตามตรงและอีกอย่างเขารู้ว่าป๋อไม่ชอบงานหน้าจออยู่แล้ว

    “แล้วจะคุยได้เมื่อไหร่” ภามกอดอกถามด้วยความกดดัน

    “หลังประชุมได้ไหมครับ”

    “ทีมคอสตูมเขาต้องหาไซส์เสื้อผ้าให้น่ะ พี่กลัวไม่ทัน” ผู้กำกับพูดอย่างเอาแต่ใจ ลูกจ้างอย่างเขาก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆ

    “งั้นเดี๋ยวจ้านไปคุยเลย” ว่าแล้วมือบางก็ปิดเอกสารแล้วลุกขึ้นทันที แอบหวังว่าเจ้านายจะเห็นใจพูดว่า ไม่เป็นไร แต่สุดท้ายเขาก็…

    “รบกวนด้วยนะ ถ้าพี่ไปมันไม่ยอมแน่ๆ” ภามพูดเสียงอ่อนลง ราวกับพอใจมาก

    “ครับ” จ้านพยักหน้าและยิ้มให้เล็กน้อย ก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องรุ่นน้องอีกครั้ง

    เขาเปิดม่านสีแดงเลือดนก ในห้องไฟสลัว ค่อนข้างมืดมาก มีทีวีจอยักษ์และไอแมคจอใหญ่สีดำตั้งอยู่ เขามองไปรอบๆ ห้อง แต่ป๋อที่ควรนั่งอยู่หน้าไอแมคหายไป จ้านคิดว่ารุ่นน้องคงไปห้องน้ำ เขาเลยถือวิสาสะเข้าไปเปิดไฟล์งานที่เขาเคยขอให้ป๋อเอาลงคอมเครื่องนี้ มือบางเคลื่อนเม้าส์อยู่เพียงเล็กน้อยก่อนจะมีมือดีมาทับมือเขา

    “เฮ้ย” จ้านสะดุ้งด้วยความตกใจ ชักมือหนีทันที

    “ผมเอง” ป๋อยิ้มขำ ก่อนที่เคลื่อนเม้าส์ไปปิดโฟลเดอร์อะไรบางอย่าง

    “ทำไมมาเงียบๆ”

    “พี่จะดูรูปคิวที่13อ่ะ” จ้านเอ่ยความต้องการ

    “โล โรงพยาบาลเหรอ” ป๋อพูดพร้อมกับดูดนมไปด้วย ตอนนี้ร่างเขาเหมือนจะกำลังคร่อมรุ่นพี่อยู่เพราะเขาดันไอแมคเกือบชิดผนัง ทำให้รุ่นพี่เกือบต้องแนบกับผนัง

    “อือ”

    “มันย้ายไปไว้ในเอ็กเทอร์นอลแล้ว” ว่าแล้วใบหน้าหล่อก็เอื่อมไปหยิบเอ็กเทอร์นอลสีดำเฉียดใบหน้าจ้าน จนร่างบางต้องเป็นคนหลบเอง “อ่ะ มีแต่งานของพี่” ป๋อส่งเอ็กเทอร์นอลให้อีกคน โดยที่เขาไม่ได้สนใจว่าระยะห่างของพวกเขามันใกล้กันมาก

    “ขอบคุณนะ” จ้านรีบรับก่อนจะลุกขึ้นเมื่อมีโอกาส

    “ยินดี” ร่างสูงรุ่นน้องตอบก่อนจะเดินมานั่งเก้าอี้หน้าคอมเหมือนเดิม แต่จ้านเองก็นึกขึ้นได้ว่าต้องคุยเรื่องสำคัญ

    “ป๋อ อีกทีสิ”

    “หืม” เขาหันไปถาม

    “พรุ่งนี้มีคิวเอ็กตราคนนึง---” จ้านพูดด้วยความตะกุกตะกัก มือบางกำเอ็กเทอร์นอลแน่น

    “ไม่เอา” ไม่ต้องให้รุ่นพี่พูดจบ ป๋อก็รู้ว่าเรื่องอะไรและหันกลับมาหน้าคอมแล้วเริ่มทำงานทันที

    “คือ ป๋อ...”

    “โนครับ”

    “พี่ไม่รู้จะหาใครแล้วจริงๆ พี่ภามก็ไม่โอเลยสักคน คนที่มาแคสล่าสุดก็ไม่เอาอ่ะ” จ้านกำลังง้อเด็กที่อายุน้อยกว่าเขาประมาณสี่ปี เพราะว่าตอนนี้บริษัทที่พวกเขาทำอยู่กำลังถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องใหม่ที่ร่วมทุนกับต่างชาติ ถือเป็นโปรเจ็คใหญ่ แต่ยังขาดนักแสดงประกอบชายอยู่คนเดียวและป๋อก็เข้าคุณสมบัติทุกอย่างที่ผู้กำกับต้องการ

    “แล้วมันใช่งานพี่รึไง” ป๋อหันมาถามด้วยสีหน้ารำคาญจนจ้านถึงกับใจเหี่ยว

    “ป๋อ”

    “งานพี่คือคุยกับเจ้าของบัดเจ็ด เคาะงบ ไม่ใช่มาหาเด็กไปแสดงหนัง” ก็ถูกของเจ้ารุ่นน้อง เดี๋ยวนี้เขาจะถูกใช้ให้ทำงานในสิ่งที่ไม่ใช่งานของเขา งานมันยิบย่อยมากและเจ้านายก็ไม่ได้จ้างคนนอกมาเลย

    “แต่พี่ภามเขาอยากได้แกนะ ถ้าเรื่องนี้ดังเผื่อแกจะได้มีชื่อเสียงไปด้วย” จ้านพยายามหวานล้อมทุกทาง

    “ผมอยากเป็นคนธรรมดา” แววตามุ่งมั่นและจริงจังของป๋อ ทำเอาร่างบางพูดไม่ออกแต่ก็ยังหน้าด้านอ้อนต่อ

    “ป๋อ คิดอีกทีได้ไหมอ่ะ นะ”

    “ไม่ครับ อย่าเสียเวลาเลย พี่เอาเวลาไปนอนเถอะ” ป๋อไม่แคร์อะไรทั้งนั้น ตอนนี้เขางานเยอะอยู่แล้วและไม่อยากรับงานอื่นเพิ่ม

    เขาเป็นนักศึกษาปีสี่ที่มาฝึกงานที่นี่ แต่ช่วงปีสามเขาได้มีโอกาสมาเป็นอีดิทเตอร์ฟรีแลนซ์ให้กับบริษัทนี้ พอฝึกงานเขาเลยลงบริษัทนี้ไปเลยและจะได้ทำงานฟรีแลนซ์กับที่นี่ด้วย รวมทั้งจะได้อยู่กับพี่จ้านด้วย

    “แต่พี่อาจโดนถอนจากโปรเจคหน้าถ้าไม่ป๋อมา”

    “นี่คือความคิดของผู้บริหารหรอ ไม่ได้อะไรถ้าไล่ออก แล้วสิ้นปีมันจะเหลือคนสักกี่คนกัน”

    “ป๋อ มันอาจจะเป็นอีกงานหนึ่งที่ท้าทายแกด้วยนะ ตอนที่สัมภาษณ์แก แกก็บอกว่าอยากลองงานหลากหลายอย่างในวงการนี้นี่นา”

    “จะมัดมือผมให้ได้เลยใช่ไหม” ร่างสูงถอนหายใจยาวด้วยความเอือมก่อนจะมองอีกคน

    “แล้วแกเต็มใจจะทำไหมล่ะ” จ้านเองก็รู้สึกผิดที่ต้องทำเหมือนลำเลิกบุญคุณ

    “ก็ต้องทำอยู่แล้วไหมล่ะ อ้างคำพูดตอนนั้นมาเลยนิ”

    “ขอบคุณนะ แกออกแค่สองฉากเท่านั้นแหละ”

    “ครับ ไอ้มี่เคยเอาบทมาให้อ่านแล้ว” ร่างสูงพูดเอื่อยๆ แล้วหันไปทำงานต่อ

    “ขอบคุณนะ” จ้านยิ้มฝืดให้เล็กน้อย รู้ดีว่ารุ่นน้องไม่พอใจแต่ในเมื่อเจ้านายสั่งมา เขาก็ต้องอ้อนวอนให้ถึงที่สุด โชคดีที่ป๋อใจอ่อนเร็ว

    “โอเค ฉากนี้บนเครื่องบินผมขอซูมอินนะครับ โคสอัพให้เห็นหน้าเลย ส่วนตรงชายหาด ตรงนั้นมันมีหลุมบ่อรึเปล่า หาดมันสวยใช่ไหม” ภายในห้องประชุม ภาม ผู้กำกับ นั่งอยู่หัวโต๊ะ ตรงข้ามจอพรีเซ้นท์งานพูดขึ้น ตอนนี้จ้านและทีมกำลังประชุมคิวการถ่ายภาพยนตร์ มีทั้งผู้กำกับศิลป์ โปรดิวเซอร์ ผู้จัดการกอง ฝ่ายโลเคชั่น คอสตูม นั่งกันอยู่เต็มห้อง ทุกคนโฟกัสที่จอทีวีและมือก็จดรายละเอียดไปด้วย

    “ใช่ครับ ทรายสีขาว ถ้าเอารถไปตั้งมันจะสวยครับ แต่คิดว่าทรายน้อยไปต้องเอาไปเพิ่ม” ฝ่ายโลเคชั่นพูดเสิรมเนื่องจากเขาไปดูสถานที่จริงมาแล้ว

    “แล้วคนที่ดูแลเขาสถานที่ตรงนั้น โอเคใช่ไหมเรื่องเพิ่มทราย” จ้านหันไปถาม

    “โอเคครับ ผมถามแล้ว”

    “โอเค งั้นพี่เสริม วันจริงขอทรายขาวด้วยนะครับซักห้ากระสอบ แล้วก็ขวดไวน์แกรนด์ๆ นิดนึง” ผู้กำกับพูดขึ้นอีกครั้ง จ้านฟังและก็จดทุกอย่างไปด้วยเผื่อว่าวันไหนพี่ภามถามขึ้นมาจะได้ตอบถูก

    “ได้ครับ”

    “พี่เพิ่มป้ายบอกทางได้ไหม on your mark ตัวสีขาวป้ายน้ำเงิน”

    “ครับ” เฮดของฝ่ายศิลป์ตอบขึ้น เขามีใบหน้าโทรมสุดๆ ขอบตาดำเนื่องจากงานเยอะ ร่างบางเห็นแล้วก็สงสาร เพราะพี่เขาคือคนที่มากองก่อนและกลับทีหลังเสมอ หลังจากที่ผู้กำกับรีเควสทุกอย่างจบ จ้านก็ถือโอกาสพูดขึ้น

    “ส่วนตอสตูมไม่มีอะไรครับ ส่วนคิวพรุ่งนี้ได้นักแสดงละ เขาอยู่ในออฟฟิศแหละ ป๋อตกลงแล้วครับพี่ภาม” หลังจากนั้นจ้านก็หันไปพูดกับผู้กำกับ ฉิวเฉียดกับการเลือกนักแสดง

    “เก่งมากเลย”

    “คุณปลาย ก่อนกลับไปวัดตัวน้องเขาได้เลยนะครับ เขานั่งอยู่ในห้องตัดต่อ” ร่างบางหันไปพูดกับคอสตูมสาวสุดสวยที่นั่งอยู่ตรงข้าม

    “ได้ค่ะคุณจ้าน”

    “งั้นก็แค่นี้ แยกย้ายได้” หลังจากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกันออกไป บางคนก็เดินมาคุยกันด้วยความสนิทสมน เนื่องจากทำงานด้วยกันมาตั้งแต่งานก่อนๆ เพราะงานโปรดักชั่น ส่วนใหญ่จะจ้างแต่ทีมเดิมที่ทำงานด้วยกันแล้วรู้ใจกัน จึงทำให้คนในกองสนิทกัน เช่นเดียวกับพี่ภามผู้กำกับที่ทำงานกับจ้านมาสี่ปีจนรู้ไส้รู้พุงกันหมดแล้ว

    หลังจากที่ทีมงานทั้งหมดออกไปจากห้องประชุม ภามก็เดินมาหาร่างบางที่กำลังเก็บของอยู่

    “จ้าน วันนี้ขอบคุณนะที่ช่วย”

    “ไม่เป็นไรครับ สบายมาก” จ้านส่งยิ้มให้แล้วเก็บของต่อ ภามเห็นว่ารุ่นน้องยังไม่ได้สนใจตัวเองเขาจึงพูดต่อ

    “กินข้าวกับพี่สักมื้อสิ เนื่องในโอกาสที่จ้านหานักแสดงให้พี่ได้”

    “พรุ่งนี้เราออกกองนะครับ” จ้านแจ้งตารางงานของรุ่นพี่เพราะอีกหน้าที่หนึ่งเขาก็เป็นเหมือนแขนขาของพี่ภามนั้นแหละ

    “ไม่เป็นไรหรอก ทีมสเกาไปแล้ว แค่ปรับเปลี่ยนอะไรนิดหน่อย” ร่างสูงยังคงตื๊อไม่เลิก ผิดกับตอนที่บังคับให้เขาไปขอรุ่นน้องมาแสดงภาพยนตร์ให้เลย ร่างบางทำหน้าลังเลเล็กน้อยแต่สุดท้ายก็ตอบตกลงไปเพราะความเกรงใจ

    “ก็ได้ครับ”

    “ทุ่มนึง ร้านเดิมนะ”

    “ครับพี่” จ้านพยักหน้ารับก่อนที่รุ่นพี่จะเดินออกไป เขาเอนหลังพิงกับพนักพิงด้วยความเหนื่อยใจ

    ตะวันยังไม่ทันขึ้นสู่ฟ้า ร่างของใครบางคนก็มาเปิดประตูออฟฟิศเพื่อรอทีมงานคนอื่น เขากดโทรศัพท์เพื่อโทรตามทีมงาน ส่วนมืออีกข้างก็ถือกระดาษโน๊ตไปด้วย ร่างบางเข้ามาในออฟฟิศก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่ามีใครบางคนนอนอยู่

    “อ้าว มาแล้วป๋อ” จ้านถามด้วยความตกใจเพราะรุ่นน้องนอนบนโซฟาตัวยาวเงียบๆ คนเดียวไม่ยอมเปิดไฟเปิดแอร์เลย

    “ครับ” เขาตอบห้วน

    “ใช้กล้องแกไปก่อนนะแล้วพรุ่งนี้เอามาใส่ในแมคให้พี่ด้วย”

    “พรุ่งนี้ผมไม่ว่าง”

    “นั้นสิ วันจันทร์ก็ได้”

    “ครับ” ป๋อก้ยังตอบห้วนเหมือนเดิมทำเอาอีกคนเริ่มไม่สบายใจ เพราะกลัวไปทำอะไรให้ไม่พอใจ

    “เป็นอะไรรึเปล่า” ร่างบางถาม

    “ทำไม” หนุ่มรุ่นน้องเงยหน้าจากเกมมือถือแล้วถามกลับ ดูท่าทาางไม่พอใจจริงด้วย สงสัยเพราะว่าโดนเขาลากมาทำงานไม่พอยังให้ไปแสดงหนังอีกแน่เลย

    “อ่อ ไม่มีไรหรอก เห็นตอบห้วนน่ะ ถ้ารำคาญพี่ขอโทษด้วยนะ” สุดท้ายแล้วจ้านก็ไม่กล้าถามอะไรต่อเพราะกลัวว่าหนุ่มน้อยจะวีนเอา

    “เปล่า” ป๋อเพียงเอ่ยเบาๆ ก่อนจะก้มหน้าก้มตาเล่นเกมต่อ

    สาเหตุที่ทำให้ป๋อไม่สบอารมณ์แต่เช้าก็เพราะว่ารุ่นพี่ของเขานั้นแหละ ไปทานข้าวกับผู้กำกับเมื่อคืนแล้วเขาดันไปร้านนั้นแล้วเห็นพอดี เขาไม่อยากงี่เง่าใส่เพราะรู้ว่าจ้านต้องมีเวลาส่วนตัว กินข้าว ไปไหนมาไหนกับคนอื่น โดยเฉพาะอาชีพที่ต้องติดต่อสื่อสารกับคนอื่น แต่มันก็อดโกรธไม่ได้จริงๆ เขาเก็บโทรศัพท์และทำตัวสำรวมขึ้นเมื่อทีมงานคนอื่นเริ่มทะยอยมา

    หลังจากที่ลงจากรถตู้ ทีมงานก็เริ่มรันงานทันที มีทีมไฟและทีมอาร์ตเข้ามาเซ็ตทุกอย่างไว้รอแล้ว รอแค่ผู้กำกับปรับเปลี่ยนตามใจ เพิ่มนั่นเพิ่มนี่ก่อนที่นักแสดงจะแต่งหน้าทำผมและพร้อมเขาฉาก จ้าน ภามและผู้ช่วยผู้กำกับนั่งอยู่หน้ามอนิเตอร์ ก่อนที่ทุกอย่างจะเงียบลงและสั่งแอคชั่น

    ตอนนี้กำลังเริ่มถ่ายซีนแรกของคิวที่ 21 พระเอกต้องเข้าไปในบ้านด้วยความคิดถึง จ้านที่นั่งหลังจอร่วมกับผู้กำกับ ผู้ช่วยและโปรดิวซ์เซอร์คนอื่นๆ สายตาของเขามองไปรอบๆ ไม่เจอป๋อที่ควรจะถ่ายเบื้องหลังเก็บเอาไว้ จ้านเองก็ไม่อยากตามจู่จี้รุ่นน้องเพราะอีกคนก็ใช่ว่าจะเป็นคนไร้ความรับผิดชอบที่ไหน เดี๋ยวก็คงมาละมั้ง

    “ผ่าน”

    หลังจากที่ถ่ายซีนแรกของวันเกินเวลาไปเกือบครึ่งวัน ภามก็ตะโกนว่าผ่าน ทีมงานจึงต้องเปลี่ยนเซ็ตทันที เพราะถ้าหากช้าจะทำให้การถ่ายช้าไปด้วยและจะต้องเสียงค่าโอเวอร์ไทม์ไปอีกหลายแสน เปลี่ยนซีนไม่ไกลมากเพียงแค่ตรงบันไดในตัวบ้านเท่านั้น จ้านเก็บเอกสาร ขวดน้ำของตัวเองแล้วก็เก้าอี้พับขึ้นมา

    “ให้หนูย้ายให้ไหมคะ” เด็กฝึกงานอีกคนหนึ่งเดินเข้ามาถาม

    “ไม่เป็นไรจ๊ะ หนูไปกินข้าวเถอะ” จ้านตอบด้วยความสุภาพ เขาแอบเห็นน้องฝึกงานที่นี่มาสักพักแล้ว ไม่เคยใครให้จับอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลยนอกจากโดนคนในกองใช้เก็บของ ไปซื้อของ ทั้งที่ตอนสมัครมาเขียนไว้ว่าอยากเป็นผู้ช่วยผู้กำกับแต่ก็ยังไม่มีใครให้โอกาสน้องศึกษาแบบจริงจัง

    “ถ่ายรูปสวยนะเนี่ยป๋อ” อยู่ๆ หูของจ้านก็ได้ยินผู้จัดการกองถ่ายพูอะไรบางอย่าง

    “ขอบคุณครับ” ป๋อโค้งตัวด้วยความเขินอาย

    “หล่อ เก่งขนาดนี้ไม่สนใจเป็นนักแสดงเหรอวะ” เธอพูดอีกที

    “ไม่สนเลย เล่นให้แค่เรื่องนี้น่ะครับ” ป๋อตอบก่อนที่สายตาจะเหลือบไปมองรุ่นพี่ยืนมองเขาเช่นกัน

    “อ่อ เสียดายๆ” จ้านเองก็มองป๋อที่กำลังคุยกับทีมงานคนอื่นอยู่ด้านหลัง เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าป๋อยืนถ่ายอยู่ด้านหลังเขาตั้งนานแล้ว ร่างบางมองอีกคนด้วยความเป็นห่วงเพราะตั้งแต่เช้าป๋อนิ่ง ไม่พูดจาอะไรเลย

    กว่าสองทุ่มต้องเปลี่ยนซีนใหม่ จ้านรีบวิ่งไปที่ห้องแต่งตัวเนื่องจากโดนพี่ภามด่าว่าทำงานช้า ไม่รู้เรื่อง ไม่ใช่แค่เขาแต่ผู้ช่วยผู้กำกับทั้งสองคนด้วยที่กำลังจัดคิวนักแสดงและควบคุมฉากอยู่ มันเลยทำให้จ้านโดนดุไปด้วยเพราะวันนี้นักแสดงประกอบมีเกือบแปดสิบคน ทำให้ทุกอย่างวุ่นวายแค่ผู้ช่วยผู้กำกับสองคนไม่พอจริงๆ และจ้านต้องวิ่งมาถามนักแสดงถึงห้องแต่งตัวเพราะห้องนี้ไม่มีใครเอาวอร์สื่อสารไป

    “ป๋อเสร็จยังพี่ปลาย” จ้านเข้ามาถามด้วยความหอบ

    “เสร็จแล้วล่ะ พี่แก้เสื้อนิดหน่อยเห็นว่ามันหลวม” พี่คอสตูมยื่นหน้ามาตอบก่อนจะแก้เสื้ออยู่ด้านหลังป๋อ

    “เดี๋ยวอีกสักพักก็ไปหน้าเซตเลยนะ” จ้านเดินเข้ามาพูดก่อนจะจัดคอเสื้อรุ่นน้องให้ดีๆ เขาไม่กล้าสบตารุ่นน้อง แต่ป๋อกลับมองเขาไม่วางตา

    “ยังแบ่งวรรณะไม่เปลี่ยนเลยนะ” อยู่ๆ ป๋อก็พูดขึ้นมา

    “หมายถึงอะไร” ร่างบางทำหน้างง

    “ก็นักแสดงประกอบบางคนยังไม่ได้กินแม้แต่กาแฟเลย” ป๋อพูดตอนที่เขาถ่ายภาพนิ่ง เขาเห็นนักแสดงประกอบได้กินแค่น้ำเปล่าทั้งๆ ที่ต้องยืนกลางแดดตั้งหลายชั่วโมง

    “งบจำกัดน่ะ” จ้านหลบตา ผูกเน็คไทให้รุ่นน้อง

    “พี่ก็ยังทนทำอยู่ได้” ป๋อพูดเบาๆ แต่ทำเอาพี่คอสตูม พี่เมคอัพและพี่สไตลิสเงียบเป็นแถว

    “ป๋อ”

    “มาแต่งงานกับผมก็จบละ”

    “อุ๊ย” พี่เมคอัพกับพี่ช่างผมถึงกับอุทานออกมาด้วยความตกใจ รวมถึงจ้านก็ด้วย

    “นี่ พูดอะไรเนี่ย” จ้านพยายามจะพูดเบาๆ แต่มีเหลือที่ทีมงานอีกสามคนจะไม่ได้ยิน

    “ผมขี้เกียจรอเรียนจบอ่ะ” ป๋อเองก็ยังพูดด้วยความเสียงระดับเดิมไม่ได้เบาลงเลย จ้านหันมองพี่ๆ ในห้องก่อนจะหันกลับมามองรุ่นน้องตัวแสบ

    “แกเรียนปีสี่แล้วนะ”

    “ปีสี่ก็แต่งได้ จดทะเบียนสมรสได้ตั้งแต่20แล้วมั้ง”

    “เพ้อเจ้อ” จ้านทุบไหล่รุ่นน้องเบาๆ เพราะเริ่มพูดมากเกินไปแล้ว และเขาเองก็รู้ว่าตัวเองกำลังหน้าแดงอย่างเห็นได้ชัด

    “ไม่รู้นะ พี่ปิดจ็อบเรื่องนี้เมื่อไหร่ ผมจะให้ย่าไปขอไว้ก่อน” ร่างสูงยังยักไหล่ใส่โดยไม่อายทีมงานในห้องเลย

    “ป๋อ”

    “ผมไม่อยากรอป้อนแอนลีนพี่ตอนแก่นะ” ทันทีที่รุ่นน้องพูดจบ จ้านแอบเห็นว่าทีมงานรุ่นพี่กำลังขำกับคำพูดของป๋ออีกด้วย ทำเอาเขายิ่งอายไปใหญ่

    “จะจิกกัดอีกนานไหม ไปเข้าเซ็ตได้แล้ว” จ้านถึงกับต้องถะลึงตาดุใส่ เพราะว่าแก้ชุดเสร็จพอดี ป๋อยกยิ้มให้อีกคนเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปเข้าเซต

    ซีนที่ป๋อต้องถ่ายตรงกับสามทุ่มครึ่งตอนนี้ผู้กำกับยังไม่พอใจและสั่งแก้อยู่เรื่อยๆ แก้ทิศทางกล้องและแก้แอคติ้ง โชคดีที่ป๋อเคยเรียนแอคติ้งมาอยู่แล้วจึงไม่มีปัญหาอะไร ตอนนี้ก็เกือบห้าทุ่มแล้วยังถ่ายได้แค่ลองช็อตอยู่เลย จ้านที่นั่งหาวอยู่หน้ามอมองด้วยความง่วงก็ต้องตาสว่างเมื่อมีใครสักคนมานั่งข้างๆ

    “อ้าว คุณต่อไม่ไปพักที่โรงแรมเหรอครับ คืนนี้หมดคิวแล้วนิครับ” จ้านหันไปพูดกับพระเอกที่อยู่ๆ ก็ออกมาจากโรงแรม

    “ครับ อยากออกมาดูคนในกองน่ะครับ” คุณต่อพระเอกของภาพยนตร์เรื่องนี้ตอบ

    “น้ำค้างจะมาแล้ว คุณจะป่วยเอานะ”

    “ต้องบอกคุณมากกว่า เล่นวิ่งไปวิ่งมาทั้งวันเลย” ต่อพูดแซวเพราะวันนี้เขาเห็นร่างบางวิ่งไปมาทั้งวันจนเหนื่อยแทน

    “ปกติครับ”

    “เหนื่อยเลยนะครับ”

    “ครับ กว่าจะเลิกกองก็ตี2 พรุ่งนี้เจ็ดโมงเช้าก็ต้องออกแล้ว คุณต่อคิวเช้านะครับ” จ้านแจ้งคิวต่อไปให้พระเอกฟัง เพราะพระเอกต้องมาเข้าฉากพรุ่งนี้ตอนเช้าเลย

    “ขอมาสูดอากาศดีๆ สักพักแล้วกันครับ ว่าแต่คุณจ้านต้องกลับพร้อมเลิกกองเลยรึเปล่าครับ” พ่อพระเอกยังไม่ละความพยายามที่จะได้คุยกับจ้านต่อ ในระหว่างนั้นเองทุกอย่างก็ตกอยู่ในสายตาของป๋อ

    “ใช่ครับ พี่ภามฝากให้จ้านเคลียร์สถานที่น่ะ”

    เมื่อจ้านตอบ พระเอกก็อึ้งเล็กน้อย “แบบนี้ก็ตีสามตีสี่น่ะสิ แล้วจะเอาเวลาไหนนอนล่ะครับ”

    “แค่งีบก็พอครับ” ร่างบางยิ้มขำเล็กน้อยก่อนจะสะดุ้ง

    “พี่จ้าน”

    “อ้าว ป๋อ เสร็จแล้วเหรอ” จ้านรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้

    “อืม”

    “น่าจะเลิกกองแล้วนะครับ” ต่อมองไปรอบๆ เห็นว่าทีมไฟเริ่มเก็บของแล้ว

    “ครับ คุณต่อวางเก้าอี้ตรงนี้แหละครับ เดี๋ยวผมเก็บเอง” จ้านหันมาบอกคุณต่อที่กำลังลุกขึ้น ปกติแล้วดาราไม่จำเป็นต้องเก็บของ จะให้ทีมงานเก็บเท่านั้น ซึ่งป๋อเองก็ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่

    “ขอบคุณครับ” ต่อโค้งให้ก่อนจะเดินออกไป

    “เป็นอะไรน่ะ” จ้านหันมาถามเมื่อเห็นว่ารุ่นน้องหน้าบูดแปลกๆ “ไม่รู้หรอกว่ามันมากะลิ้มกะเหลี่ยพี่” ป๋อตอบเสียงเรียบๆ

    “ตามภาษาคนเฟรนลี่นั่นแหละ” แต่จ้านไม่ได้คิดอะไรอยู่แล้ว

    “ผมไม่ชอบ” ร่างกอดอกพร้อมเผยความอัดอั้นใจ ก็ไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับคนของเขานิ “ทั้งผู้กำกับที่ชวนไปกินข้าวแล้วก็พ่อพระเอกสุดหล่อฮอตนั่น”

    “เมื่อวานเห็นเหรอ” จ้านถามเพราะไม่คิดว่ารุ่นน้องจะเห็นเขากับพี่ภามกินข้าวด้วยกัน

    “อืม ผมไม่อยากจะวุ่นวายกับพี่หรอก แต่บางทีก็อดไม่ได้”

    “คุยแค่เรื่องงานเท่านั้นแหละ” จ้านส่งยิ้มหวานชะโลมให้อีกคนคลายความตึงเครียด

    “อือ” แม้ว่าอีกคนไม่ค่อยพอใจนักแต่ก็ยอม

    “หายหน้าตูดแล้วไปเก็บกล้องเก็บของได้แล้ว” จ้านตบบ่ารุ่นน้องไปเบาๆ ก่อนจะดันหลังให้ไปเปลี่ยนชุดเก็บของ

    ความจริงแล้วคืนนี้ป๋อต้องกลับกรุงเทพเพราะเขาไม่มีคิวถ่ายภาพนิ่งแล้วเนื่องจากช่างภาพมาแล้ว แต่ป๋อไม่ยอมกลับและจะมานอนกับพี่จ้านที่โรงแรม โชคดีที่พี่จ้านนอนในห้องคนเดียว

    “ป๋อ เอาภาพนิ่งส่งให้บ้างสิ เดี๋ยวพี่จะส่งให้สำนักข่าว” จ้านว่าก่อนเช็ดผมหน้ากระจก

    “พรุ่งนี้ได้ไหม วันนี้ง่วง” ป๋อที่นอนพิงหมอนอยู่ตอบแล้วค่อยๆ ลุกขึ้นเงียบๆ

    “อือ” จ้านตอบในลำคอก่อนจะอุทานออกมา “โอ๊ย!! หยุดเลย…”

    เพราะอีกคนเดินเข้ามากอดเอวเขาแล้วฉวยโอกาสหอมแก้มเขาฟอดใหญ่ “แค่หอมเอง”

    “เหนื่อยแล้ว วันนี้ออกกองมาเกือบวันแล้ว” จ้านต้องรีบดันหน้าเจ้าเด็กจอมลวนลามไม่ให้ทำไรไปมากกว่านี้

    “ขอนิดเดียวเอง” ว่าแล้วป๋อก็ทำท่าจะไซร้กกหูเพิ่มความเสียว จนอีกคนต้องเบี่ยงหลบ

    “อย่าเอาแต่ใจสิ เจ็ดโมงพี่ต้องไปกองอีกนะ นี่ตีสี่แล้ว ไหนจะต้องเช็คเบรคอีก” จ้านตอบด้วยความจริงๆ จังเพราะผู้ช่วยสองเพิ่งจะส่งเบรคดาวน์คิวสัปดาห์หน้ามาให้ และผู้จัดการกองก็เพิ่งส่งตารางออกกองมาให้ใหม่ และเขาต้องนั่งเช็ค แม้ว่าป๋อจะเข้าใจแต่เขาก็อดน้อยใจไม่ได้เพราะว่างานของพี่จ้านมันหนักมากไปจนความสัมพันธ์ของเราที่ควรจะเบิกบานขึ้น กลับอยู่ที่เดิมหรืออาจจะแย่ลง

    “ปิดจ็อบนี้แล้วลาออกนะ พูดจริงจัง ไม่ใช่เรื่องเล่น” ป๋อพูด เพราะเขาเคยพูดกับจ้านเรื่องนี้นานแล้ว คนในออฟฟิศไม่มีใครรู้ว่าเขาสองคนคบกันยกเว้นป้าแม่บ้าน

    “อนาคตพี่เลยนะป๋อ” จ้านเข้าใจว่าป๋ออยากแต่งงาน แต่ตัวเขาเองก็ยังหวงชีวิตที่ยังไม่มีพันธะรวมถึงอยากทำงานไปก่อนและยังไม่อยากรับผิดชอบชีวิตคู่ด้วย

    “ผมเลี้ยงพี่ได้ สบายๆ จะให้เงินเดือนเยอะกว่าบริษัทให้พี่อีก”

    “น่าสนใจ แต่ตอนนี้พี่ขอไปนอนก่อนนะ” คำตอบที่ป๋อพูดทำเอาจ้านรู้สึกเบื่อหน่อย เพราะป๋อทำเหมือนว่าความสามารถเขาไม่มีค่า ร่างบางกำลังจะล้มตัวนอน

    “เดี๋ยว ยังไม่รู้เรื่อง” ป๋อรั้งแขนไว้

    “ป๋อ พี่อยากทำงาน” จ้านหันมองตอบจริงจัง

    “พี่ไม่มีเวลาให้ผมเลยนะ” คนรักรุ่นน้องเริ่มงอแง เขาทำงานอยู่ออฟิศเดียวกันก็จริง แต่งานของป๋อคือตัดต่ออยู่แต่ในห้องแล็ปไม่ต้องออกไปไหน หาเขาไม่เจอก็มาห้องตัดต่อ ผิดกับจ้านที่ต้องตะเวนไปทั่วโลกเพื่อออกกองและยังมีงานเอกสารมากมาย งานพรีเซ็นท์ต่อหน้าลูกค้าอีก

    “ก็งานมันหนัก จะให้ทำยังไง” จ้านพยายามเสียงอ่อนลงเพราะรู้ว่าถ้ายิ่งร้อนใส่กันก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมา

    “ผมอยากให้เราอยู่ด้วยกันบ้าง”

    “ก็นี่ไง”

    “อีกสามชั่วโมงพี่ต้องไปออกกองต่อ ส่วนผมกลับกรุงเทพ พอพี่กลับกรุงเทพ ผมต้องเข้าไปมหาลัย กว่าจะทำธุระเสร็จ ไหนพี่จะต้องไปดูโลเชียงใหม่อีก” ป๋อคอยเช็คตารางงานของคนรักรุ่นพี่ตลอดเวลา ตอนนี้ป๋อต้องไปพรีเซ้นท์โปรเจคสุดท้ายให้อาจารย์ฟัง ส่วนจ้านถ้าไม่มีประชุมเบรคดาวน์เพื่อเตรียมตัวถ่าย เขาก็ต้องไปดูโลเคชั่นที่ต้องถ่าย พอดูเสร็จก็กลับเตรียมตัวออกกองต่อเป็นสองสามวันกว่าจะกลับ

    “บางทีชีวิตเรามันก็ไม่ต้องยึดติดกับใครขนาดนั้น” คำพูดเบาๆ ของคนรักทำเอาป๋อเริ่มปวดหัวใจแปลกๆ

    “แปลว่าพี่ไม่ได้แคร์ผมเลย”

    “ป๋อ”

    “ผมวางอนาคตว่าเราน่าจะอยู่ด้วยกัน” ถึงแม้ว่าเขาจะยังเรียนไม่จบ แต่เขาก็รับงานฟรีแลนซ์มาตั้งแต่ปีสาม รับแรงกดดันได้ระดับหนึ่ง ตัดต่อโดยมีลูกค้านั่งวิจารณ์อยู่ด้านหลัง เขาเองก็เป็นผู่ใหญ่ขึ้นมาในระดับหนึ่งแล้ว และเริ่มคิดถึงอนาคตตัวเองได้แล้วด้วย

    “เราอยู่ด้วยกันได้ แค่ป๋อยอมรับว่างานพี่เยอะ” จ้านเข้าใจทุกอย่างแต่ตอนนี้ความต้องการของเขาและป๋อยังไม่ตรงกันเท่านั้นเอง

    “พี่ลองแกล้งป่วยเข้าโรงพยาบาลดู แค่ห้านาทีเขาก็หาคนมาแทนที่พี่ได้แล้ว” ป๋อพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าเงินและซองบุหรี่แล้วเดินออกไปจากโรงแรม จ้านถึงกับถอนหายใจด้วยความเหน็บเหนื่อย เขาไม่ค่อยเข้าใจว่า ทำไมการทุ่มเททำงานของเขามันขัดใจอีกคนนัก

    ในเช้าวันต่อมาเรายังคงใช้สถานที่เดิมในการถ่ายทำ เมื่อเช้านี้จ้านได้รับโทรจากพี่ภามว่าเขาต้องการให้ป๋อถ่ายแก้เนื่องจากยังไม่ชอบแสงตอนนั้น หลังจากที่เราทะเลาะกันได้สองชั่วโมงจ้านก็ต้องตามรุ่นน้องกลับมากองอีกครั้ง

    “เป็นไรอ่ะพี่จ้าน” ผู้จัดการกองถามเมื่อเห็นว่าเขามีหน้าอิดโรยมาก

    “หืม” จ้านขานในลำคอ

    “กินน้ำหวานไหมพี่” เธอยื่นน้ำเฮบูบอยให้

    “ไม่หรอก เรากินเถอะ” จ้านนั่งพิงพนักก่อนจะยกยาดมขึ้นมาสูด ความจริงคือนอนแค่สองชั่วโมงถ้วนเพราะกว่าจะอาบน้ำ ทะเลาะป๋ออีก

    “วันนี้ร้อนเนอะพี่ กองก็ต้องออกแดดนะ ขนาดอยู่ในเต็นท์ไอแดดก็เข้ามาอยู่ดี” ผู้จัดการกองพูดก่อนจะเอาพัดพัดหน้าตัวเองอย่างเอาเป็นเอาตาย

    “นั้นสิ ชักเพลียๆ แล้วล่ะ” จ้านตอบเสียงเบา แต่อยู่ๆ ก็มีเสียงใครสักคนตะโกนขึ้นมา

    “คุณจ้านครับ ฝ่ายภาพขอเบิกเอ็กเทอร์นอลลูกหนึ่งครับ” ลูกทีมของช่างภาพเดินเข้ามาหาจ้านที่กำลังนั่งอยู่เต็นท์

    “ได้ครับ น่าจะอยู่ด้านหลังนะครับ” ร่างบางตอบ

    “จ้าน สั่งเพิ่มเลย” ภามที่นั่งดูมอนิเตอร์ไม่ไกล ในขณะที่ฝ่ายอาร์ตจัดเซตอยู่ก็พูดขึ้น

    “จ้านสั่งไปลังหนึ่งแล้วพี่”

    “โอเค เขยิบไปมาร์คแรกให้พี่หน่อย แบบนั้นแหละ” ภามไม่ได้ตอบอะไร เขาหันไปสั่งคนที่อยู่หน้าเซ็ตให้ลองยืนจุดของนางเอกดูว่าตกเฟรมไหม เหมาะสมหรือเปล่า “นางเอกเสร็จยังจ้าน”

    “เอ่อ ไม่ทราบครับ เดี๋ยววอร์ให้ …คุณซินแต่งหน้าเสร็จยังครับ” จ้านตอบก่อนจะกดวอร์หาทีมแต่งหน้านักแสดง

    “ขออีกห้านาทีค่ะ” คนในวอร์ตอบมา

    “งั้นจ้านไปมาร์คจุดนางเอกก่อน เดี๋ยวให้พี่หนึ่งรันกล้องรอ”

    “ครับ” ว่าแล้วร่างบางก็ต้องจำใจเดินไปหน้าเซตที่แดดแรงสุดๆ เพราะว่าคงลุกเร็วเกิน เขาเลยหน้ามืดแต่ก็ยังพอเดินไหว จ้านมายืนด้านหน้าคุณต่อพระเอกของเรื่อง

    “โอเคนะคุณจ้าน?”

    “โอเคครับ” จ้านตอบก่อนจะบอกให้น้องฝึกงานที่กางร่มให้พี่ต่อออกไปเพราะจะเริ่มซ้อมแล้ว จากนั้นก็มีเสียงภามตะโกนขึ้น

    “ซ้อมนะซ้อม ห้า สี่ สาม สอง แอนนน แอคชั่น!!!”

    “พี่จ้าน!!!” อยู่ๆ ร่างบางก็ล้มลงไปกับพื้น โชคดีที่พระเอกรับไว้ได้ทัน ทั้งกองตกใจเป็นอย่างมากก่อนจะรีบวิ่งเข้ามา

    “ขอแอมโมเนียด่วน” คุณต่อตะโกน ก่อนที่ป๋อจะเอาแอมโมเนียและพัดมาให้ และถือโอกาสแย่งร่างของคนรักมาไว้ในอ้อมอกเขาทันทีแล้วอุ้มขึ้นแนบอก

    “ผมจะพาไปหาหมอ”

    “ป๋อ ให้คนอื่นพาไป แกต้องถ่ายต่อ” ภามพูด

    “ผมไม่ถ่าย” เจ้าตัวพูดเสียงแข็ง

    “ป๋อ” ภามที่กดเสียงต่ำหน้านิ่งบ่งบอกว่าเขาเองก็ไม่พอใจที่ป๋อไม่ทำตามคำสั่ง ไม่ยอมรับผิดชอบงาน ป๋อเองก็เข้าใจ แต่เพราะว่าเขาเป็นห่วงพี่จ้านมากไป ป๋อสบถขึ้น

    “แม่งเอ้ย ผมขอแค่เทคเดียว ถ้าไม่ผ่านก็เอาคนใหม่มาแทน” เพราะเขาห่วงจ้านมากกว่าใคร คนที่นี่คงไม่เสียหายอะไรมากถ้าพี่จ้านป่วย โปรดิวเซอร์อีกคนจะทำงานแทนได้ทันที ขอแค่งานเดินแล้วค่อยส่งกระเช้าไปทีหลัง แต่สำหรับเขาพี่จ้านมีคนเดียวและเขาไม่ยอมให้พี่จ้านเป็นอะไรไปเด็ดขาด

    ร่างบางตื่นขึ้นมาด้วยสภาพที่สะลึมสะลือ ก่อนจะกระพริบตาถี่เพื่อปรับโฟกัส คนแรกที่ปรากฏเข้ามาในสายตาก็คือป๋อ คนรักรุ่นน้องหัวรั้นที่นั่งอยู่ขอบเตียง

    “งานล่ะ” เสียงแหบถามด้วยความอ่อนแรง ก่อนจะขยับตัวลุกขึ้น

    “อย่าเพิ่งลุก กองน่ะเสร็จแล้ว เขากลับกรุงเทพกันหมดแล้ว” ร่างสูงตอบเสียงเรียบ แอบโมโหนิดหน่อยที่คนรักเขาทุ่มเทมากเกินไป

    “เหรอ”

    “มีแค่กระเช้าโง่ๆ แลกกับความทุมเทของพี่เท่านั้นแหละ”

    “แล้วงานป๋อล่ะ” จ้านไม่ได้ฟังแต่เลือกที่ถามเรื่องของอีกฝ่ายแทนเพราะไม่อยากเถียงกันอีก

    “ผมออกไปแล้ว” ป๋อตอบ แต่อีกคนถึงกับตกใจ

    “ห๊ะ?”

    “ก็พอสั่งคัทผมก็ออกเลย ครบกำหนดฝึกงานตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่พี่ขอให้ผมมาผมเลยมา” ป๋อเฉลย ถ้าไม่ใช่เพราะคนรักขอมา เขาจะไม่มีวันทำงานเกินกำหนดเด็ดขาด

    “พี่ไม่รู้”

    “เพื่อพี่ก็ได้หมด” ร่างสูงพูดก่อนจะอมยิ้มกับคำพูดตัวเอง จนอีกคนยิ้มตาม

    “ขอบคุณนะป๋อ”

    “ยินดี”

    “เช่นกันว่าที่บัณฑิต” ว่าแล้วร่างสูงก็ปีนขึ้นมานอนบนเตียงนอนคนไข้อย่างถือวิสาสะ จ้านถูกเบียดจนต้องไปชิดกับขอบเตียงอีกด้าน

    “ป๋อ หยุดเลย” แต่อีกคนก็โอบเขาไม่ให้ตกเตียง

    “พี่จ้าน” ร่างสูงพูดขึ้น

    “อะไร”

    “ถ้าพี่ยังรักงานหรือยังมีแรงทำงาน ผมก็คงห้ามไม่ได้” ป๋อหลับตาก่อนจะจับศีรษะอีกคนมาซบลงที่อกตัวเอง เขารู้ว่าห้ามนิสัยทำงานหนักของพี่จ้านไม่ได้

    “อืม”

    “แต่เรื่องแต่งงานผมจริงจังนะ” เพราะว่าห้ามไม่ได้ และคงทำอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้ นอกจากยืนอยู่เคียงข้างเขา

    “พี่รู้ แต่ว่า…” จ้านยังอ่ำอึ้งพูดไม่ถูกเพราะเขายังไม่ค่อยพร้อม ยังอยากเก็บเงินอีกหน่อย ไม่เหมือนกับป๋อที่เกิดและโตมาบนกองเงินกองทองไม่ต้องดิ้นรนก็มีใช้ทั้งชาติ

    “ถ้าพี่ไม่พร้อม ผมไม่ว่า ย่าบอกว่ารอพี่พร้อมเมื่อไหร่ก็ได้ทั้งนั้น” ป๋อพูดก่อนจะล้วงบางอย่างในกระเป๋าออกมา

    “ป๋อ”

    “เพราะฉะนั้น แหวนวงนี้ถือเป็นแหวนหมั้นของเรา” เขาบรรจงสวมแหวนใส่นิ้วนางข้างซ้ายให้อีกคนก่อนจะดึงมือมาจุมพิตเบาๆ จ้านมองทุกอย่างอย่างทำตัวไม่ถูก ไม่ใช่ว่าเขาไม่พอใจแต่ในใจก็ไม่คิดว่าป๋อจะจริงจังขนาดจะหมั้นเอาไว้ก่อน ร่างบางน้ำตาคลอพยายามจะไม่เบะปากร้องไห้แล้ว

    “….”

    “เพื่อประกันไว้ว่าจนกว่าพี่จะพร้อม ผมจะไม่มีทางเปลี่ยนใจ” และป๋อไม่ลืมที่จะหอมหัวทุยๆ ของพี่จ้านด้วย แม้ว่าร่างสูงพูดเบาๆ แต่ยังชัดทุกถ้อยคำ ประโยคนั้นวนลูปอยู่ในใจของจ้านอย่างลบไม่ได้เลย

    “พี่รักป๋อนะ” ว่าแล้วร่างบางก็โผล่เข้ากอดอีกคนด้วยความซาบซึ้งใจ

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น